"นายฮ้ง" ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ ร้านกลางซอย โรงพยาบาลกลาง

สืบไปสืบมาได้ความว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ในตำนาน
ในซอยย่านสวนมะลิ โรงพยาบาลกลางนี้มีอยู่ 3 เจ้า

เจ้าแรกอยู่ปากซอย ชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ "อร่อยริมทาง" มีน้ำซุปเป็ดมะนาวดองซดแก้เลี่ยน
เจ้าที่สองอยู่กลางซอย "ร้านนายฮ้ง" มีก๋วยเตี๋ยวอบ เส้นกรอบไข่น่ากิน
เจ้าที่สามท้ายซอย ชื่อร้าน"น้องแอน" อันนี้ยังไม่เคยชิม

เห็น่มีคนว่าก็อร่อยเหมือนกัน
เข้าใจว่าย่านนี้คงอร่อยเกือบทุกเจ้ากระมัง
เห็นขายกันเยอะเหลือเกิน

ร้านแถวนี้จะหายากสักหน่อย
ของดีดีอร่อยๆมักหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมเสมอ
ผมไปเสิร์ชหาร้านปรากฏว่า
เคยมีคนไปโวยว่าหาร้านไม่เจอในห้องจตุจักรเว็บพันทิป
จนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นกระทู้แนะนำไปก็มี
ตลกดี เกรียนน่าดู





ร้านนี้ขายมานาน
แต่คนที่ไม่เคยมาออกจะหาทางเข้ายากอยู่สักหน่อย
ผมเองกว่าจะตามลายแทงพบก็งงอยู่ใช่ย่อย
แต่ก็หลงไปเจอร้านอร่อยอีกเจ้านึงแทน
ถือว่าไม่เสียเที่ยวครับ ^^

ก๋วยเตี๋ยวคั่วร้านนี้ใช้เส้นใหญ่ ขนาดใหญ่กว่าปกติ
ไม่รู้ว่าแกเอาเส้นมาตัดเองหรือเปล่า

ผมตามจารย์ม่อนไปชิม
http://puvanai.multiply.com/reviews/item/4

เพราะเห็นรูปแล้วอยากกินก๋วยเตี๋ยวไข่อบขึ้นมาติดหมัด

พอหาร้านเจอก็ปรีดาเป็นยิ่งนัก
สั่งก๋วยเตี๋ยวอบมากินเลย
หน้าตาน่ากินเหมือนที่นึกไว้ทีเดียว



คั่วเส้นกรอบเกรียม
จนแป้งออกเหนียวหนึบๆ
แปะแกตั้งใจทำมาก
ค่อยๆคั่วบนเตาถ่าน
แล้วก็โยนกระทะทุกจาน
ร้านนี้ใจร้อนหรือหิวๆไปกิน
น่าจะไม่รุ่งครับ
วันนั้นผมไปถึงประมาณเกือบหกโมงเย็น
นั่งรอประมาณสิบนาทีได้

ไก่ชิ้นโตครับ
ออกแห้ง คั่วเกรียมๆ
ออกสีแทนเป็นไก่อาบแดดทั้งชิ้นเลยครับ

ร้านนี้ผมว่าน้ำมันเยอะไปหน่อยนะครับ
กินเสร็จแล้ว
มึนเลยผม
สงสัยเมาน้ำมันแหงๆ



นึกขึ้นได้ว่าเคยอาฆาตร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ อร่อยริมทาง ร้านปากซอยไว้
ว่าจะไปกินซุปเป็ดมะนาวดองให้ได้
ก็เลยไปกินแก้เลี่ยน ช่วยได้เยอะครับ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องอบไข่ด้วยหรือเปล่า
เลยน้ำมันเยอะไปหน่อย

ยังไม่ได้ลองคั่วไก่ธรรมดาครับ
ไม่รู้จะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า

คืออันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ
ว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ควรจะแห้งๆเกรียมๆ
น้ำมันน้อยๆหน่อย
ไม่งั้นจะเรียกคั่วเหรอ
เรียกทอดน่าจะเหมาะกว่า

เจาะไข่แดงออกมาเยิ้มๆ
กินกับเส้นก๋วยเตี๋ยวกรอบๆหนึบๆ

สรุปว่าอร่อย แต่ตัดคะแนนเรื่องน้ำมันท่วมนี่แหละ
ร้านเิปิดตอนเย็นๆห้าโมงเย็นเป็นต้นไปครับ

ลีลาโยนกระทะนายฮ้ง



--- แผนที่ร้านครับ ---

หลงทางก็อย่ามาว่ากันนะครับ ฮ่าๆ


ปล.
ก๋วยเตี๋ยวไก่พวกนี้ควรทานที่ร้าน
เคยซื้อห่อกลับไป
ไม่อร่อย
เพราะเส้นที่กรอบๆ
มันจะหยูดๆ กินไม่อร่อยเท่าตอนร้อนๆนะครับ

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

"ประสพลาภ" ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนายแกละ บางขุนนนท์

ร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูใส่ใบตำลึง
มีเครื่องใน ไส้ ตับ ฯลฯ
หมูสับบะช่อ เครื่องเคราเยอะดีทีเดียว
เครื่องในทำดีไม่มีกลิ่น

ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำรสชาติสไตล์ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋
ออกเปรี้ยวๆหวานๆนำตามสไตล์ลิ้นคนกรุง

ก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสดีกินได้เลยไม่ต้องปรุง
สำหรับผมก็เหยาะพริกป่นกับน้ำปลาเพิ่มอีกนิด
ก็อร่อยแล้ว

ร้านนี้มาได้สองทาง
จากทางบางขุนนนท์ก็มาเรื่อยๆจนเลยแยกชักพระ
เกือบทะลุถนนบรมราชชนนี
หรือเข้าทางถนนบรมราชชนนีทางซอยวัดไก่เตี้ยก็ได้
พอเห็นธนาคารนครหลวงไทย
ร้านก็จะอยู่ตรงข้ามกันนั่นแหละครับ

เส้นเล็กต้มยำ + โอเลี้ยง






เส้นปริมาณไม่เยอะนัก
ท้องอย่างผมต้องกินสองชามจึงจะอิ่ม ^^

ชามละยี่สิบห้าบาท
โอเลี้ยงสิบบาท
หนึ่งอิ่มหกสิบบาท

ยามบ้านเมืองข้าวยากหมากแพงแบบนี้
ยุคลุงหมักครองเมือง เนื้อหมูก็แพง
ร้านนี้ก็คุ้มราคาครับ

บรรยากาศร้าน





หน้าร้าน



ไม่อิ่มจากร้านนี้ยังหาร้านก๋วยเตี๋ยวอื่นๆทานได้อีก
ตามลิสต์ในรีวิวร้านก๋วยเตี๋ยวย่านบางขุนนนท์์นะครับ


--- แผนที่ร้านครับ ---

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ "อร่อยริมทาง" โรงพยาบาลกลาง ร้านปากซอย

ย่านโรงพยาบาลกลางกับสวนมะลินี่
เรียกได้ว่าเป็นดงก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยๆ่เลยทีเดียว
เมื่อเย็นไปตามหาร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ "นายฮ้ง"
อยากไปกินคั่วไก่ไข่อบ
แต่ก็หาไม่เจอ ฮ่าๆ
ที่จอดรถก็หายากเหลือเกิน..
เอาไว้วันหลังค่อยไปหาใหม่

เดินไปเดินมาโผล่ถนนหลวง
เห็นโรงพยาบาลกลางเด่นเลยเชียว
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนยุคล2 จะกลับไปเอารถที่จอดไว้ในวัดเทพศิรินทร์

ก็เจอะก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่หน้าตาหน้ากินอยู่อีกเจ้านึง
เห็นเตาถ่านไฟลุกโชนเป่าด้วยลมสีแดงจ้า
แล้วก็มีคนกินเยอะอยู่
เรดาร์ส่วนตัวบอกว่าร้านนี้ต้องไม่เบาแน่นอน




ปราดเข้าไปนั่งที่โต๊ะเหลือบดูเมนูแล้วก็

"พี่ครับเอาคั่วไก่จานนึง"

นั่งรออยู่สักพักนึง
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ร้อนๆหอมฉุยก็มาวางอยู่ตรงหน้า



เส้นผัดได้หอมกระทะ
กรอบนอกนุ่มใน
เส้นไม่อมน้ำมัน
ผัดมาได้แห้งดี ไม่เลี่ยนมาก
ผิวเกรียมและแห้ง
สมฐานะก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

เนื้อไก่นุ่มหอมแห้งแต่ชุมฉ่ำ
หมักมาได้อร่อย



เสียดายอย่างเดียว
ทำไมไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวเป็ดน้ำซุปมะนาวดองมาซดแก้เลี่ยน
กลัวกินไม่หมด(นึกแล้วยังเสียดาย ทำขี้เหนียว)
่คิดว่าคงเข้ากันดีแท้
ซดร้อนๆแก้เลี่ยนอีกต่างหาก
คราวหน้าไม่พลาดแน่ๆเมนูนี้





บรรยากาศร้าน


--- แผนที่ร้านครับ ---

----------------------------------------------------------------------------------------

มาอัพเดตเพิ่ม
ไปกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดมะนาวดองมาแล้ว
เข้ากันดีจริงๆกับก๋วยเตี๋ยวไก่คั่วเนี่ย
แก้เลี่ยนได้ชะงักนัก
เข้าใจทำจริงๆเลยร้านนี้



น้ำซุปร้อนๆ หอมกลิ่นมะนาวดอง ไม่ขมครับ
ซดแก้เลี่ยนน้ำมันจากการกินก๋วยเตี๋ยวคั่ว
ชอบใจมาก ^^

ให้ดาวเยอะเพราะไอ้นี่แหละ
เข้ากั๊นเข้ากัน

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

ร้านสว่าง บะหมี่เกี๊ยวก้ามปู หัวลำโพง

ร้านนี้ขายตอนเย็นๆ
ตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันห้าทุ่ม
เดินทางเส้นพระรามสี่จากสามย่าน
มาทางหัวลำโพง
ถ้าตอนเย็นๆพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
ด้านซ้ายมือจะเห็นไฟสีเขียวๆ
ข้างๆร้านกวางสวัสดี
นั่นแหละใช่เลย

จอดรถตรงป้ายรถเมล์แหละ
หรือถ้าสะดวกขึ้นรถใต้ดินหรือรถเมล์
มาโผล่หัวลำโพงก็สะดวกสุดๆ

ร้านนี้มีชื่อเสียงมากในทางราคาแพงและรสชาติดี
เริ่มต้นบะหมี่เกี๊ยวปูธรรมดาก็ห้าสิบบาทแล้ว!!
บะหมี่ปูอย่างเดียวร้อยนึง
ใส่ก้ามปูเข้าไปก็ถึงสองร้อยแล้วแต่ขนาดก้ามปู

นอกจากต้องมีตังค์ติดกระเป๋ามาพอสมควรแล้ว
มากินที่นี่ต้องเป็นคนธรรมะธรรมโมด้วย
เนื่องจากที่นี่เขาจะหยุดขายวันพระ
คือต้องเปิดปฏิทินดูมาก่อนเป็นดี
เพราะมาบางครั้งร้านก็ปิดซะเฉยๆอย่างงั้นแหละ

สืบไปสืบมาก็ได้ความว่า
ที่เขาปิดวันพระก็เพราะว่า
วันพระโรงฆ่าสัตว์จะหยุด
กระดูกหมูสดๆจะไม่มีขาย
พอไม่สดก็กลัวจะไม่อร่อยเท่า
ก็เลยไม่ขายมันซะเลยดีกว่า

ร้านนี้เป็นบะหมี่สไตล์กวางตุ้ง

เส้นบะหมี่ผมทานก็อร่อยดี
แต่ก็อร่อยแบบทั่วไปไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก



ผมสั่งบะหมี่เกี๊ยวแห้งปูหมูแดงมาทาน
แบบธรรมดาราคาห้าสิบบาทเนื้อปูให้มาน้อยมาก
เหมือนโรยหอมผักชีมาให้อย่างงั้น
แค่พอให้เห็นเอง
ใครชอบกินเนื้อปูมาร้านนี้ผมเกรงว่าจะไม่คุ้มค่า
สู้ร้าน บะหมี่ปู ตั้งเลียกเส็ง บางขุนนนท์ ไม่ได้
ร้านนั้นกินแล้วรู้สึกคุ้มค่าสะใจกว่าสี่สิบบาทเท่านั้น
เนื้อปูผมไม่รู้คนละอย่างกันหรือเปล่า(แยกไม่ออก รู้แต่อร่อยเหมือนๆกัน)
ทำไมให้ปริมาณต่างกันจังเลย




หมูแดงรสออกเค็มๆหวานๆมันๆสีจะออกคล้ำๆหน่อย
กินเข้ากับบะหมี่ได้ดี

ส่วนบะหมี่ก้ามปูผมก็ยังไม่กล้ากิน
รู้สึกว่าแพงจริงๆ
เดี๋ยวไว้ถูกหวยไม่ก็ตัดใจได้ก่อนแล้วกัน
จะขอกินสักชามนึง

ขออนุญาตเอารูปจากที่อื่นมาแปะก่อนแล้วกัน
จากเว็บสาระแนดอทคอมครับ
http://www.saranair.com











สำหรับร้านนี้จะว่าไปผมถูกใจที่น้ำซุปกับเกี๊ยวกุ้งมากกว่า
น้ำซุปหวานน้ำต้มกระดูกจริงๆอย่างที่เขาหวงไว้
แล้วก็หอมพริกไทยดี

อีกอย่างร้านนี้ซื้อใสห่อกลับนี่
มีแต่แบบแห้งนะครับ
ี่คือไม่มีถุงใสน้ำซุป่ให้
อยากได้ต้องเอาปิ่นโตมาใส่เอง
เขาว่ากลัวเอากลับบ้านแล้วมันเย็นไม่อร่อย
เดี๋ยวเสียชื่อร้านเขาหมด(อะไรจะขนาดนั้น..)

เกี๊ยวกุ้งที่นี่คือกุ้งเป็นตัวๆเลยครับ
กินแล้วนุ่มหนึบกรอบกรึบกรั๊บดี
ปรุงรสห่อมาในเกี๊ยวเรียบร้อย



ด้วยความอยาก..
หลังจากซัดชามแรกบะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดงแห้งไปชามนึงแล้ว
ไม่อิ่ม ไม่อิ่มจริงๆครับ มันน้อยอ่ะ

แถมยังรู้สึกว่ายังไม่ได้กินเนื้อปูเลย
จึงสั่งบะหมี่เกี๊ยวปูอย่างเดียว

เขาบอกว่าใส่ปูอย่างเดียวคิดชามละร้อย

เอาสิ..เอาก็เอา

งั้นเอาเกี๊ยวน้ำมาอีกชามนึงด้วยก็แล้วกันหมดเรื่องหมดราว

บะหมี่เกี๊ยวปูชามละร้อย..





เกี๊ยวน้ำห้าสิบบาท
มีห้าลูก..





ไหนลองคีบมาดูซิ ตั้งร้อยนึง
ได้กรรเชียงปูมาข้างนึง(ถึงหรือเปล่าหว่า..)




เช็คบิลมาก็สองร้อยสองบาท
บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง = 50
บะหมี่เกี๊ยวปู = 100
เกี๊ยวน้ำ = 50
ค่าน้ำแข็งสองบาท

ถ้าจะมาทานควรเตรียมตังค์มาสักสามร้อยจะอุ่นใจมาก

ก็อร่อยดีครับ
แต่รู้สึกว่าราคาแพงไป
และให้ปูน้อยไปหน่อยไม่ค่อยคุ้มราคาเท่าไำหร่

ผมว่าร้านนี้มาทานเกี๊ยวกุ้งจะเข้าท่ากว่า
สั่งบะหมี่แห้งธรรมดามาซดน้ำกับเกี๊ยวกุ้ง
ก็น่าจะโอเค

ส่วนใครโบนัสออกอยากจะเล่นบะหมี่ก้ามปูก็ไม่ว่ากันครับ ^^






แผนที่ร้านใน Google Maps ครับ

----------------------
ปล.
เนื่องจากช่วงนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า
ชักจะรีวิวอาหารบ่อยไปแล้ว ฮ่าๆ
เลยมาแก้ตัวหน่อยว่า
จริงๆำไปถ่ายเก็บไว้ตั้งนานแล้ว
แต่ไม่ได้มาเขียนถึงสักที

แล้วอีกอย่างเดี๋ยวนี้ไปกินอะไร
ก็คอยแต่จะถ่ายรูปเก็บก่อน
จนเมียด่าแล่ว
คนจะกินถ่ายอยู่ได้ (T-T

ตอนนี้มันก็เริ่มเยอะเข้าๆ
นานๆไปเดี๋ยวจะลืมรสชาติไปเสียหมด
เลยเอามากระหน่ำรีวิวคร้าบ
ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

เปิดตำนานสุดยอดแฮกเกอร์ระดับโลก

ตำนาน Balck-hat Hacker ระดับโลก
วง การคอมพิวเตอร์อยู่คู่โลกนี้มาประมาณ 50 กว่าปีแล้ว
มาลองดูกันว่าHackerระดับโลกเค้าเป็นใครกันบ้างและเดี๋ยวนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้าง





Jonathan James




ตอนที่หมอนี่โดนจับ ทั่วทั้งอเมริกาแตกตื่น เพราะหมอนี่อายุเพียง 15ปีเท่านั้น(เวรตูยังดูช่องเก้าการ์ตูนอยู่เลย) Jonathan Jamesหรือชื่อรหัสในโลก Hacker ก็คือ c0mradeได้สร้างชื่อด้วยการเจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouthไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999หมอนี่ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasaซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasaพัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปหน้าตาเฉยซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไขทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 $

ปล. หมอนี่บอกกับศาลว่าเค้าอยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้นแต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7ล้านดอลล่าร์เลยเชียวหรือ



Adrian Lamo




อีตานี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Hacker ที่แสบไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่โดน Adrian Lamoเจาะเข้าไป ก็มีตั้งแต่ หนังสือพิมพ์ The New York Times , Microsoft ,Yahoo , Bank of America , CitiGroup และ Cingularซึ่งที่ๆสร้างชื่อเสียงที่สุดให้เขาก็คือ การที่เขาเจาะเข้าไปใน The NewYork Times และเอาชื่อตัวเองเข้าไปใส่ไว้ในแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระดับสูงของหนังสือ พิมพ์ The New York Timesและใช้บัญชีของนักเขียนชื่อดัง LexisNexisในการค้นคว้างานวิจัยจากฐานข้อมูลของ The New York Times อีกด้วย
หลังจากที่ใช้กรรม ไปมากมาย ตอนนี้ Adrian Lamo ทำงานเป็นนักข่าวและนักพูด เกี่ยวกับวงการ Hackerและพึ่งจะได้รับรางวัลนักข่าวยอดเยี่ยมมาไม่นานนี้เอง




Kevin Mitnick




นี่คือชายที่ครั้งหนึ่ง กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเคยหมายหัวไว้ว่า“อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทางสหรัฐ ต้องการตัวมากที่สุด”เพราะเขาคือคนแรกที่ทำให้คำว่า Hacker โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ผลงานของ Mitnick อาจจะเก่าไปซักหน่อย เพราะพี่ท่านเล่น Hackมาตั้งแต่ช่วงปี 70’ กับผลงานการเจาะระบบ Punch Card ของ Los Angeles BusSystem ทำให้เขาสามารถขึ้นรถเมล์ได้ฟรีตั้งกะอายุ 12.เข้าไปป่วนระบบโทรศัพท์ทำให้โทรทางไกลได้ฟรีๆ จากนั้นก็ขโมยข้อมูลของบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง DEC (Digital EquipmentCorporation) ตามด้วยหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โอ๊ยอีตานี่แสบๆๆ หลังจากที่ไปรับกรรมในคุกอยู่สองปีครึ่งตอนนี้เค้าก็กลายเป็น Hackerที่หลายๆบริษัทขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบระบบครับ(และสำคัญมากเป็น เพราะอีตานี่เองที่ทำให้โลกเราได้รู้จัก White-Hat สาดเลือดเอเชียที่เก่งกาจ)




Kevin Poulsen





มีชื่อเรียกสวยเก๋ในวงการแฮกเกอร์ว่า Dark Dante, ผลงานเด่นๆของ KevinPoulsen ก็คือการที่เค้าเจาะระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LAทำให้เค้าได้รางวัลรถ Porsche มาครอง และที่เด่นๆ ก็คืออีตานี่แหย่หนวดเสือไป เจาะระบบฐานข้อมูลของ FBI ครับ และที่สำคัญก็คือระบบดักฟังของ FBI ครับ หลังจากที่ Kevin Poulsen โดนซิวไป 5 ปีตอนนี้เค้าก็กลายเป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired Newsและคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆอีกมากมาย




Robert Tappan Morris




 เค้าคือลูกชายของอดีตเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ ของ NSA (National SecurityAgency) แท้ๆแต่ดันใช้ความรู้ในทางที่ผิดก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่วเพราะหมอ นี่แหละครับคือคนแรกที่สร้าง Worm ขึ้นมาและทำให้ระบบเครือข่ายพังทลายไปหลายวันเลยทีเดียว ขณะที่ Morrisกำลังเรียนอยู่ที่ Cornell เค้าอยากรู้ว่าอินเทอร์เน็ตมันใหญ่ขนาดไหนเค้าก็เลยสร้างโปรแกรมที่มันจะ เจาะไปได้เรื่อยๆ ไปๆมาๆนั่นกลายเป็นเวิร์มตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า MorrisWormหลังจากนั้นคอมพิวเตอร์กว่า 6,000เครื่องทั่วโลกก็เจ๊งยับเพราะเวิร์มของหมอนี่ พอโดนจับ Morris ก็โดนลงโทษจำคุก 3 ปีและโดนค่าปรับ10,500 เหรียญและ ทำงานช่วยเหลือสังคมอีก 400 ชม.(ลงโทษขนาดนี้แรงไปไหมพี่ เบากว่านี้ได้อีกนะ ) และหลังจากที่รับกรรมไปแล้ว ตอนนี้Robert Morris ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ MIT ครับ

และมาต่อกันด้วย ตำนานฝั่งสีขาว White-Hat Hacker




Stephen Wozniak 




พูดถึง Apple Computer ใครๆก็อาจจะนึกถึง Steve Jobsชายหนุ่มหัวแอบล้านซึ่งหลายๆคนรอคอย KeyNote ของเค้าในงาน MacWorldConference ทุกปี แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วถ้า Apple Computerขาดเค้าคนนี้ไปล่ะก็ มันจะไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะ Steve Wozniakคือผู้่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ครับ
การเป็น Hackerช่วงแรกของเค้าอยู่ที่เค้าได้ไปอ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ ในหนังสือ Esquire เข้าหลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBoxเครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้คุณสามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ (เอาเข้าไป)มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปาโดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissingerรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้นแสบจริงๆ
สำหรับ ช่วงแรกของการก่อตั้ง Apple Computer. Wozniakได้ขายเครื่องคิดเลขแสนแพงของเขา และ Jobs ได้ขายรถแวนของเขาเพื่อเป็นทุนในการก่อตั้ง Apple Computer ครับ และสุดทเครื่อง Apple Iก็วางตลาด และทั้งคู่ได้ขายเครื่องนี้ในราคาเครื่องละ 666.66$(เลขซาตานชัดๆ)




Tim Berners-Lee




ต้องขอบอกว่า ถ้าไม่มีอีตานี่โลกเราจะไม่มีคำว่า World Wide Web ครับเพราะเค้าคนนี้คือ คนที่ คิดค้น www ขึ้นบนโลก. Tim Berners-Leeเป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ ​Mary Berners-Leeซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก
ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็นFreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อมันผนวกเข้ากับ TCP และ DNSล่ะก็ มันจะเป็นความสุดยอดของ HyperText แน่นอนและหลังจากนั้นมันจึงกลายเป็น ​World Wide Web ครับ 
เมื่อปี 2548เขาได้รับรางวัล 1 ในร้อยบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั้งโลกมากที่สุด และในปี2550 Tim Berners-Lee ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายหน้าจากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซา เบทที่สอง เป็นการส่วนพระองค์ทำให้ตอนนี้เค้ากลายเป็น Sir Tim Berners-Lee ไปแล้วครับ
ผลงานการ Hackของ Tim Berners-Lee ไม่เป็นที่ปรากฏ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ทำให้เค้าโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Oxford ล่ะครับ ปล.เว็บไซต์แรกของโลกคือ
Welcome to info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee นี่แหละครับ




Linus Torvalds



บิดาผู้ให้กำเนิด Linux ระบบปฏิบัติการ Unixที่คนนิยมกันมากที่สุดในโลกขณะนี้ ในปี 1991ขณะที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เฮลซิงกิ เขาได้สร้าง linux kernelขึ้นจากพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Minix ขึ้น หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมสมัครพรรคพวกมาช่วยกันเขียนและช่วยกันพัฒนาต่อกันทาง อินเทอร์เน็ต โดยที่เขาเป็นคนรวบรวม ตรวจสอบและแจกจ่ายงานไปยังโปรแกรมเมอร์ต่างๆทั่วโลกรวมถึงแจกจ่ายให้คนช่วย กันเอาไปใช้ฟรีๆอีกด้วยจุดที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ ทุกคนที่มาร่วมทำนั้นทุกคนยินดีช่วยโดยไม่ได้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด และมีเงื่อนไขต่อด้วยอีกว่าเมื่องานเสร็จแล้วจะต้องเผยแพร่ตัว Source Codeแก่สาธารณะโดยไม่คิดมูลค่าเช่นเดียวกันครับ
ทุกวันนี้ Linux Torvaldsทำงานอยู่ที่บริษัท Transmeta บริษัทที่ทำหน้าที่ออกแบบ CPUและยังคงดำรงตำแหน่ง ผู้นำของบรรดาผู้ใช้งานและพัฒนา Linux ทั้งโลกครับยิ่งไปกว่านั้น หนังสือ Times Magazine ได้ยกให้เค้าเป็นหนึ่งคนในหนังสือชื่อ 60 Years of Hero สุดยอดดดดดดด




Richard Stallman



ผู้ริเริ่มโครงการ GNU (อ่านว่า กนู นะครับ) และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรีรวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft (ฮ่า)และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาติให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลังสัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมากความเป็นแฮกเกอร์ของเค้าโผล่มาตอนที่เค้าทำ งานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ StaffComputer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่Richard Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง ยังครับยังไม่พอพอแฮกระบบเสร็จก็แฮก Printerต่อเพื่อพิมพ์ข้อความบอกชาวบ้านว่าระบบไหนอยู่ที่ไหนปลดรหัสผ่านอะไร ไปแล้วบ้าง แสบจริงๆ




Tsutomu Shimomura




สุดยอด White-Hat สายเลือดเอเชีย Tsutomu Shimomuraได้รับชื่อเสียงอย่างโด่งดัง ในฐานะที่ร่วมมือกับ John Markoffในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลกในยุคนั้น นั่นก็คือ KevinMitnick นั่นเอง 
Tsutumu ทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่ SDSC (San DiegoSupercomputer Center) ซึ่งจริงๆแล้วก็โดนอีตา Kevinเข้ามาแฮกเอาโปรแกรมและเมล์สำคัญๆไป ดังนั้นด้วยคาวมแค้นเขาจึงร่วมมือกับFBI ไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาเมื่อเขาจับได้เขาก็เลยเขียนหนังสือชื่อ Takedown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ KevinMitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย


โซโล : สุดยอดแฮกเกอร์แห่งโลกอินเทอร์เน็ต





มติชน

ข่าวคราวด้านความมั่นคงของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตพักนี้ไม่มีเรื่องไหนใหญ่โตเท่าเรื่องการจับกุม แกรี แม็คคินนอน หนุ่มสก๊อตวัย 39 ปี เจ้าของฉายา "โซโล" ในวงการแฮ็กเกอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจสกอตแลนยาร์ด จับตัวเขาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา และส่งตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาว่า ควรส่งตัว "โซโล" ให้สหรัฐอเมริกาไปดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่

ทางการสหรัฐอเมริกาต้องการตัว แม็คคินนอน ไปเพราะระหว่างปี 2544-2545 ที่ผ่านมา แม็คคินนอน แฮ็กเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกือบ 100 เครือข่าย ทั้งที่เป็นขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ที่ถูกอัยการอเมริกันขนานนามไว้ว่าเป็น "การแฮ็กคอมพิวเตอร์ทหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์"

โซโล ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปขโมยโค้ด ข้อมูล และสายการบังคับบัญชา ลบไฟล์ระบบที่มีความจำเป็นต่อการรักษาระบบ ก๊อบปี้ยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด และยังติดตั้ง โทรจัน โปรแกรมที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากก่อนที่จะหลบออกมาแต่ไม่ลืมลบยูสเซอร์ แอคเคาต์จำนวน 1,300 รายการทิ้งเสียด้วย

เจ้าหน้าที่อเมริกันอ้างด้วยว่า เขาแฮ็กเข้าไปใน เครือข่ายของ เอิร์ล นาวอล วีพพอน สเตชั่น เน็ตเวิร์ก หรือเครือข่ายสถานีอาวุธนาวีเอิร์ล ของกองทัพเรือ 2-3 วันหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11


แง่มุมที่น่าสนใจจากกรณีของ "โซโล" ก็คือ แม้ว่า ทางการอเมริกันจะอ้างว่าการแฮ็กของโซโลสร้างความเสียหายให้กับระบบรวมถึงค่าซ่อมแซมระบบสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 40 ล้านบาท) แต่ก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่า ไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลลับลำคัญๆที่ดาวน์โหลดลงมารั่วไหลไปถึงมือผู้อื่น

นั่นเป็นเพราะ แม็คคินนอน ไม่ได้ทำมันเพราะต้องการเงิน เขาเพียงแค่อยากรู้ว่า จริงๆแล้วกองทัพอเมริกันเก็บงำข้อมูลเกี่ยวกับ "ยูเอฟโอ" ไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง



เป็นการแฮ็กสนุกๆ ของคนอยากรู้อยากเห็น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์เชื่อกันว่ากำลังจะหมดไป และจะกลายเป็นการทำเพื่อเงินและการฉ้อโกงผู้อื่นที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอยู่ในขณะนี้

แมทธิว บีแวน แฮ็กเกอร์ชาวอังกฤษอีกรายซึ่งเคยถูกจับเพราะแอบแฮ็กเข้าไปในระบบของนาซ่าและกองทัพอากาศมาแล้วและเคยถูกทางการอเมริกันตราหน้าว่าเป็น "ภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของโลกนับตั้งแต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" มาแล้ว บอกว่า สหรัฐอเมริกาต้องการใช้การฟ้องร้องแม็คคินนอนให้เป็นเสมือน "การเชือดไก่ให้ลิงดู" เท่านั้นเอง



บีแวนบอกว่า ที่น่าหัวเราะก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ของกองทัพอเมริกันนั้น ไม่เพียงแต่ตกเป็นเป้าการแฮ็กของแฮ็กเกอร์ทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ยังเป็นระบบที่เจาะเข้าไปง่ายยิ่งกว่าระบบของมหาวิทยาลัยเสียอีก (เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะ ระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัยนั้นถูกนักศึกษา "ร้อนวิชา" ลองของแอบแฮ็กอยู่เสมอนั่นเอง)

บีแวน ซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านไอที บอกว่า แม็คคินนอน จึงเป็นเพียงแค่ "แพะ" ตัวหนึ่ง ทั้งๆ ที่สิ่งที่เป็นอันตรายจริงๆ นั้นเป็นผลงานของ องค์กรอาชญากรรม ที่นับวันจะทันสมัยและมีมากมายมากขึ้นทุกที



เขายกตัวอย่างอย่างเช่น ภัยคุกคามล่าสุดที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็คือ "Pharming" (ฟาร์มมิ่ง) ที่มีต้นตอมาจาก เอสโทเนีย พบครั้งแรกเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และกลายเป็นภัยคุกคามต่อระบบธนาคารออนไลน์ที่น่ากลัวที่สุด

ฟาร์มมิ่ง เป็นวิธีการฉ้อฉลคล้ายๆ กับ ฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งระบาดหนักเมื่อปีที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ เพียงแต่แนบเนียนกว่าและไฮเทคกว่า ฟิชชชิ่งนั้นเป็นการส่งอี-เมลหลอกมาให้เราหลงคลิกเข้าไปในเว็บไซต์หลอกที่ทำปลอมขึ้นเป็นเว็บของสถาบันการเงินชื่อดังที่เราใช้บริการอยู่แล้วเปิดเผยข้อมูลอาทิ หมายเลขบัตรเครดิตหรือหมายเลขบัญชี เพื่อนำไปใช้ถอนเงินเราเกลี้ยงเกลาในภายหลัง



ฟาร์มมิ่ง เป็นการใช้ โปรแกรมโทรจัน ไวรัส ที่อาจจะแอบเขียนมากับอี-เมล หรือติดมากับไฟล์ที่เราดาวน์โหลดลงมาจากอินเตอร์เน็ต เมื่อเราพยายามติดต่อธนาคารของเราออนไลน์ โทรจัน ที่ว่านี้จะเปลี่ยนการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่ทำเทียมเลียนแบบขึ้นเพื่อหลอกเอาหมายเลขบัญชี หมายเลขบัตรเครดิต ฯลฯ

เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารในประเทศอังกฤษเจอเรื่องทำนองนี้เข้าไปเสียหายคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 12 ล้านปอนด์ หรือ ราว 900 ล้านบาทเลยทีเดียว



นอกจากนั้นยังมีการใช้การข่มขู่โดยตรง เหมือนอย่างเช่นที่ เว็บไซต์บ่อนพนันชื่อดังอย่าง วิลเลียม ฮิลส์ เคยเจอมาแล้วว่าถ้าไม่จ่ายเงิน 50,000 ดอลลาร์จะถูกส่ง อี-เมลถล่มเว็บจนใช้งานไม่ได้ หรือการใช้โปรแกรมจับความเคลื่อนไหวของ คีย์บอร์ดที่เรียกว่า คีย์ล็อกกิ้ง โปรแกรม มาสอดแนมคอมพิวเตอร์ของเราเพื่อดักจับพาสเวิร์ดหรือข้อมูลบัตรเครดิต เรื่อยไปจนกระทั่งถึงความพยายามที่จะ "ปล้น" เงินโอนออนไลน์จำนวน 220 ล้านปอนด์ (ราว 16,500 ล้านบาท) ของธนาคารซูมิโตโม่ ของญี่ปุ่น ก็น่าตื่นตระหนกพอๆ กัน

ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้บรรดาแก๊งอาชญากรในยุโรปตะวันออก เริ่มว่าจ้างพวกเซียนคอมพิวเตอร์ทั้งหลายให้ทำงานสกปรกให้แล้วละครับ!!

:: 10 ร้านโจ๊กอร่อยทั่วกรุง ::

โดยนิตยสาร Health & Cuisine

อาหารยามเช้าของคนทำงาน ยามดึกของนักท่องราตรี หรือทุกมื้อของคนป่วย

คงหนีไม่พ้น "โจ๊ก" สุดอร่อยที่กินแล้วคล่องคอ อิ่มท้อง

เรามีร้านโจ๊กชื่อดังถึง 10 ร้านมาให้เลือกอิ่มกันอย่างจุใจ








ขอขอบคุณ : Health & Cuisine ฉบับที่ 77 มิถุนายน 2550


รีวิวเพิ่มเติมครับ

โจ๊กสามย่าน หลังตลาดสามย่าน




แผนที่ร้านอาหาร ชวนชิมใน Google Map

แผนที่ร้านอาหารที่เคยไปชิม รวมถึงรีวิวร้าน ในรูปแบบ Google Map
อร่อยมากอร่อยน้อยต่างๆกันไปครับ




ดู ชิม by SirYui ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

ย้งเฮง เย็นตาโฟปักกิ่ง บางขุนนนท์

เดินต๊อกแต๊กตามถนนต่อจาก บะหมี่ปู ตั้งเลียกเส็ง บางขุนนนท์ มา
ไม่ไกลเกินห้าสิบเมตร
ก็จะเจอร้านเย็นตาโฟเจ้าอร่อย
สูตรปักกิ่ง(ก็เขาว่างั้น)

ร้านนี้ขายแต่เย็นตาโฟเท่านั้น
มีทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ
ครบเครื่อง

ชอบไอ้กรอบๆที่เขาใส่มาด้วย
ทั้งเกี๊ยวกรอบ
และโอโซว
ปลาหมึกกรุบกรอบ
เลือดนุ่มไม่มีกลิ่น
ผักบุ้งกรอบอร่อย
น้ำซุปใส่น้ำซอส
รสเข้มข้น
ออกหวานๆเปรี้ยวนิดๆ
แต่ไม่หวานแหลม

แต่รสจะเข้มข้นกว่า เม้งโภชนา เย็นตาโฟ ที่เคยทาน
ร้านนั้นจะออกรสกลางๆหวานนวลๆ
ตามสไตล์เยาวราช

สำหรับร้านนี้ถ้าจะกินแบบไม่ปรุงก็ยังได้เลย
กำลังดี โรยพริกป่นเพิ่มอีกนิดก็แซ่บ!! สะใจ

ราคาสบายๆตามสไตล์ร้านฝั่งธนฯ
สามสิบบาทเท่านั้น



บะหมี่น้ำโฟ



หมี่แห้งโฟ



ในร้าน

หน้าร้าน



ร้านนี้คอเย็นตาโฟไม่น่าพลาดนะครับ แผล่บๆ

--- แผนที่ร้านครับ ---

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร