Inglourious Basterds - สะใจคนยิวเขาละ


Inglorious Basterds - The Green Leaves Of Summer - Nick Perito

นังของทาเรนติโน่เรื่องนี้โหดสะใจคอซาดิสม์
เรื่องราวของหนังเกิดขึ้นช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่สอง

สงครามสุดคลาสสิคที่มีผู้คนระลึกถึงอยู่เสมอ
ทั้งในแง่ของยุทธการรบที่วางแผนหักกันไปมา จารชน
ความโหดเหี้ยมของมนุษย์ อาวุธใหม่ๆ ระเบิดปรมาณู

และฉากที่หนังอเมริกันมักหยิบมาพูดถึงบ่อยๆคือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
แต่กลับลืมภาพอันโหดร้ายที่ตนทิ้งระเบิดนอกแนวรบใส่ชาวบ้่านญี่ปุ่นและชาวเวียดนาม(ใช่มะ)

จะว่าไปสงครามก็มีแต่ความเลวร้ายทั้งสิ้น
เพื่อการเอาชนะ และการมีชีวิตรอด ทุกๆคนทุกๆชาติล้วนมีเหตุผล
แต่ทั้งหมดทั้งปวงมันก็มาจากความโลภและอำนาจทั้งสิ้น

ผมชอบดูหนังสงครามไม่ใช่เพราะนิยมชมชอบเห็นคนฆ่ากันแต่อย่างใด
แต่หนังสงครามดีๆมักเปิดเผยให้เห็นสภาพสุดขั้วของมนุษย์
เพื่ออำนาจและการมีชีวิตอยู่ ความรัก ฯลฯ

เข้าเรื่องหนังดีกว่า
หนังเรื่องนี้มีเพลงเท่ห์ๆประกอบตามสไตล์ทาเรนติโน่
ใครเคยดู Pulp Fiction คงจะคุ้นกับสำเนียงและมุมกล้องของเขา
เรื่องดำเนินเป็น Episode เหมือนกัน
แต่ไม่ลำดับเรื่องหวือหวาแบบเดิม เข้าใจง่าย

"The Basterds" คือกลุ่มทหารอเมริกัน-ยิวที่เคียดแค้น
พวกนาซีเนื่องจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบไร้เหตุผลของฮิตเลอร์
ไม่มีคำว่าเชลยศึกสำหรับพวกเขา
"ฆ่าถลกหนังหัว"เท่านั้นคือคำตอบ
มึงเกลียดกู กูก็เกลียดมึง อะไรอย่างงั้น

วันหนึ่งของสงคราม เมื่อเหตุการณ์ประจวบเหมาะ
พวกเขาคิดวางแผนจะฆ่าฮิตเลอร์
เพราะถ้าไม่มีเจ้านี่สักคนสงครามบ้าๆนี่คงจะจบลง
พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่
ต้องตามไปดูในหนัง






เรื่องนี้ไม่รู้ทาเรนติโน่ทำหนังเอาใจนายทุนชาวยิวรึเปล่า
เพราะโหดสะใจชาวยิวดีเหลือเกิน
เยอรมันนาซีในเรื่องนี้ก็เลวไม่มีดี
โหดเหี้ยม เลวได้สะใจ เห็นแต่ด้านมืดของนาซี
คนที่แสดงเป็นนายพันนาซี Christoph Waltz ก็แสดงได้ดีมาก
แววตาแสดงให้เห็นความเลือดเย็นภายใต้รอยยิ้มรื่นเริง

รุปเลยดีกว่า
เล่ามากเดี๋ยวเผลอ spoil หนัง
น่าดูครับ
นักแสดงส่วนใหญ่แสดงได้ดี
แบรดพิตต์ไม่เด่นเลยสำหรับผม
เรื่อยๆไม่มีเขาก็ได้ในเรื่องนี้
ผมชอบนางเอกและผู้พันนาซีที่สุด
หนัง +18 โหด ลุ้นระทึก
ไอ้ตัวที่คิดว่าน่าจะรอดมันก็ไม่รอด ที่คิดว่าไม่รอดมันก็รอด
ไม่เหมือนสูตรสำเร็จก็แล้วกัน
ไม่มีฉากบีบอารมณ์ซึ้ง(สำหรับผม)
และที่สำคัญสะใจคนเกลียดนาซีเป็นอย่างยิ่ง

คนที่มีใจเป็นกลางๆไม่สมควรดูครับ :)
ดูแล้วก็เกลียดสงครามเหมือนเดิม
ไม่รู้มันจะแย่งกันไปทำไมอำนาจเนี่ย

บ้านเราจะมีสงครามกลางเมืองหรือเปล่าก็ไม่รู้
คิดแล้วก็เบื่อ
ไปดูหนังระบายอารมณ์โกรธดีกว่า -*-


Orphan เด็กนรก!


นังเรื่องนี้ก่อนซื้อตั๋วเข้าไปดูก็เตรียมใจไว้แล้ว
ว่านังเด็กนี่แสบแน่ๆ ตัวโกงแหงๆประมาณนั้น

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะแค่อ่านเรื่องย่อหรือดูโปสเตอร์หนังคงพอเดาได้ว่าใครแสบ
ประเด็นที่ทำให้หนังน่าติดตามคือ

ทำไม? ทำไมเธอถึงเป็นอย่างนั้น?

เธอทำอย่างนั้นทำไม?

ใครจะไปคิดว่าเด็กน่ารักๆอย่างนั้นจะหลอนได้ขนาดนี้

ดูหนังตัวอย่างแล้วคิดถึงเรื่อง Hide and Seek ที่ดาโกต้า แฟนนิ่งเล่นคู่กับโรเบิร์ต เดอเนโร

ผมดูแล้วชอบนะครับ สนุกตื่นเต้น มีประเด็นชวนให้ติดตาม

ใครชอบหนังแนวนี้ไม่น่าพลาดนะครับ :)










โกงกันจะจะ ออกทีวีสดๆ

จับรางวัลแล้วไม่เอา
เอาแบบที่เตรียมไว้อย่างเดียว
เวรกรรม หลอกกันแบบนี้ แย่มากๆ




ยัดใส่มือกันเห็นๆ



บุปผาราตรี 3.1

ทั้งเรื่องเลยครับ
หั่นออกเป็นสิบท่อน
ขอเชิญชมครับ

"อิซูมิ" เนื้อย่างบุฟเฟต์ เซ็นจูรี่พลาซ่า อนุสาวรีย์ชัยฯ

มีพรรคพวกน้องๆหนูๆชวนไปถล่มร้าน
ชื่อละม้ายอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

เค้าว่ามีบุฟเฟต์เนื้อย่างราคาน่าสนใจ
หัวละ " 249 บาท!!!! "
ฟังๆแล้วเราก็เคลิ้ม
ราคาเท่านี้พ่อจะกินให้ราบ หึหึ
เนื้อดีดีแหงๆ ฮ่าๆๆ

คิดแล้วก็ปล่อยให้
น้องๆหนูๆนัดแนะกันให้เรียบร้อย
มันนัดกันทีเป็นอาทิตย์ครับ พ่อแม่พี่น้อง
มาลงตัวก่อนไปกินสองชั่วโมง
ยอดมาก!

ไล่ตามนัดผองเพื่อนไปกันทั่ว
สรุปนัดได้สามหน่อ
ป้าริปและอานุชชี่และผม

ตัดภาพมาที่ร้านกันต่อเลยครับ

มาถึงก็จ่ายก่อนเลย
คนละสองร้อยห้าสิบ
ถ้าเอาน้ำขวด ขวดละยี่สิบ
เอาแบบรีฟิล ยี่สิบเก้า
ผมกะป้าริปเอารีฟิล(กะเต็มที่เลยว่างั้น ส่วนป้านุชชี่น้ำเปล่า)
มันไม่เท่านั้นสิครับท่าน
มันบวกเซอร์วิสชาร์จเข้าไปอีก 10%
รวมสามหัวเกือบพัน
เก็บตังค์ก่อนกินครับ
กันกินแล้วเบี้ยว



ก็ยังไม่เป็นไร..
คิดว่าเดี๋ยวฉันค่อยกินล้างแค้นให้เต็มคราบ
บอกว่าเดี๋ยวชั่วโมงแรกฉันไม่คุยละนะ
ฉันจะลุยอย่างเดียว

มาเมนูมาดูดิ๊!!



"เอาหมดหน้านี่แหละ" (สองสาวกล่าวอย่างมั่นใจ)

ระหว่างนั้นคุณบริกรเธอก็มาเปิดไฟเร่งเตาถ่านด้านหน้าให้รอ
ผมยังคงคิดในใจว่า แหมบรรยากาศเหมือนอิโรฮะซอยทองหล่อ
ที่เคยไปกินกะเพื่อนๆมาเชียวเว้ย
เนื้อดีดีแบบร้านนั้นแหงๆ
ทำไมมันช่างราคาถูกคุ้มค่าปานฉะนี้



อ่ะ!! เนื้อมาเสิรฟ์แล้ว
ใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม
ทำไมมันบางเฉียบอย่างงี้ว๊ะ!!
ยังในแง่ดีคิดว่าเนื้อดีดีมันคงต้องแล่อย่างนี้
จะได้ละลายในปาก



แต่ไม่ใช่ครับ
มันบางไป
บางจนไม่เหลือรสเนื้อเลย
เลือดเลิดหายหมด
ย่างแล้วแห้ง
เหมือนกินทิชชู่เลย
ไม่ถูกใจผมจริงๆ
บางๆแบบนี้น่าเอาไปทำชาบูชาบูมากกว่า
เอามาย่างต้องหั่นหนากว่านี้ครับ

แล่มาชิ้นใหญ่ก็จริง
แต่ไม่ได้รสเนื้อครับ
เป็นรสซีอิ๊วซะอย่างงั้น



รสชาติไม่ถูกใจผมจริงๆ
เลยมาแนะนำผองเพื่อนไว้ก่อน
กันพลาด
ส่วนคนที่ชอบแบบนี้ผมต้องขออภัยนะครับ

กินๆไปรู้สึกจะมีลูกแมลงสาบ
วิ่งออกมาด้วย(สงสัยจะออกมาจากปากป้าริป)



(เขาจะฟ้องกรูมั้ยเนี่ย)

บางเฉียบเกินบรรยาย



"ย่างเข้าไปสิเธอ"
"ไม่ไหวแล้วววว"



"รอบละสองชั่วโมงนะเธอ"
"อย่ามัวนั่งเขี่ยของกินเล่นดิ๊"
"ม่ายหวายแล่ว.."




โฉมหน้าผู้ร่วมอุดมการณ์



(สม..บอกให้ทำหน้าสวยๆก็ไม่เชื่อ ฮ่าๆๆ)

สรุป!! ไม่ชอบ!

ปล.
ขากลับขับรถกลับบ้าน
พบกับประสบการณ์ขนหัวลุกสุดๆ
..
..
ปวดท้องจะไหลตั้งแต่อนุสาวรีย์
แต่บ้านอยู่วัดสน(พระเจ้า!!)
สุดๆไปเลย
เหยียบสุดๆ
ตอนนั้นเกลียดรถขับช้ามากเป็นพิเศษ

จบรีวิว -*-

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

ข้าวมันไก่ "เม้ง โภชนา(เล็ก)" บางรัก (ข้างสถานีดับเพลิงยานนาวา ถนนเจริญกรุง)

ยังคงวนเวียนอยู่แถวบางรัก
หน้าวัดสุทธินี่แหละ(เรามันคนธรรมะธรรมโม)
ร้านข้าวมันไก่ย่านนี้
นอกจากจะมี"ซุ่ยเฮง" ข้าวมันไก่ หน้าวัดสุทธิฯแล้ว
ก็ยังมีอีกเจ้าที่อร่อยไม่แพ้กันเลย
คือ"ร้านเม้ง" ข้างสถานีดับเพลิงยานนาวาร้านนี้นี่แหละ

ร้านนี้ไม่ไกลจากร้านที่แล้ว
เดินขึ้นเหนือตามถนนเจริญกรุง
ผ่านศาลแขวงมาสักสองร้อยเมตร
ก็จะเจอร้านในตู้มีไก่แขวนอยู่เต็มไปหมด

ข้าวมันร้านนี้จะหุงออกแข็งๆหน่อย
ไม่แฉะแน่นอน แห้งและเรียงเป็นเม็ดๆ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่มันเลี่ยนครับ

สำหรับไก่ร้านนี้มีขายทั้งไก่ต้มไก่ทอด
เขาว่าไก่เป็นไก่ไทยแล้วเอามาตอน
ลองชิมดูแล้วครับ
หนังจะออกบางๆเคี้ยวกรุบๆ
เหมือนเคี้ยวแมงกะพรุน
ส่วนเนื้อไก่จะแน่นๆ
เหมือนเป็นไก่นักกีฬาออกกำลังกายเป็นประจำ
เนื้อไม่หลวมโพรกโหรงเหรง










น้ำจิ้มก็อย่างที่บอกครับว่า
เป็นเอกลักษณ์ของร้านในย่านนี้
คือออกเปรี้ยวๆเค็มๆ
แต่ร้านนี้มีใส่พริกกับขิงหั่นโรยมาด้วย
พอเติมซีอิ๊วเข้าไปก็โป๊ะเช๊ะ!!
อร่อยแบบที่เคยคุ้นปากเลยเชียว





ที่อร่อยไม่เหมือนใครๆ
ก็คือน้ำซุปครับ
ร้านนี้แถมน้ำซุปไก่มะนาวดอง
กินเข้ากันดีกับข้าวมันไก่
ที่ทานมากๆอาจจะเลี่ยนได้
น้ำซุปร้านนี้ตัดเลี่ยนได้ขาดกระจุยไปเลย
ผมเคยเจอบางร้าน
ใช้น้ำซุปผักกาดดองก็เข้าทีดีครับ
ลองชิมดูครับ
รสชาติแปลกๆใหม่ๆ
เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของเรา




ร้านนี้ราคาแพงครับ
ข้าวมันไก่รู้สึกจะจานละสี่สิบ!!
แพงกว่าร้านใกล้ๆกันคือ"ซุ่ยเฮง"ตั้งสิบบาท
ของอย่างนี้ก็คงชอบใครชอบมันกระมังครับ
คนว่าอร่อยเขาก็คงว่าไม่แพง

บรรยากาศร้าน






--- แผนที่ร้านครับ ---


*** รวมแผนที่ร้านข้าวมันไก่ใน Google Map ครับ ***



ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

ลูกชิ้นเนื้อเท็กซัส เยาวราช (ซอยเล่าตั้งลือชื่อห่านพะโล้ หรือเข้าทางตรอกถนนผดุงด้าว ทางเข้าอาคารที่จอดรถเท็กซัส)

วันนี้ชวนไปกินไกลหน่อยถึงรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ตีตั๋วเครื่องบินตามไปได้เลย
อ่ะ! ไม่ใช่ๆก็ได้
ชวนไปกินกันแถวเยาวราชนี่แหละครับ

มันจะมีซอยเล็กๆอยู่ซอยนึงถัดจากแยกเฉลิมบุรีเข้ามา
เชื่อมระหว่างถนนเยาวราชกับเจริญกรุง
ชื่อจริงชื่อ"ผดุงด้่าว"
ชื่อเล่นชื่อ"เท็กซัส"(ผมคิดเอาเอง)
ถ้าเดินเข้าจากเยาวราชระวังเข้าผิดซอยนะครับ
เพราะอีกซอยนึงมันจะเข้าอาบอบนวดเท็กซัส
เข้าใจว่ามีคุณผู้ชายหลายท่านคงแกล้งมึน
ทำเป็นเดินหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อกิน
แล้วก็ทำพลัดหลงเข้าไปซะเฉยๆ

สำหรับร้านนี้จริงๆผมว่าก็หายากอยู่เหมือนกัน
เพราะผมจำได้ว่า
เอ..เคยมากินห่านเล่าตั้งฯน่าจะอยู่ใกล้ๆกันนี่แหละ
แต่มาอีกทีก็หาไม่เจอ
เอาเป็นว่าผมบอกลายแทงให้หาง่ายๆก็แล้วกัน

ถ้าขับรถมาจากวงเวียนโอเดี้ยน
ที่เป็นประตูจีนสูงๆนั่นแหละครับ
ชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆจะเจอแยกเฉลิมบุรี
ที่เป็นถนนทรงสวัสดิ์ตัดกับถนนเยาวราช
ให้เลี้ยวขวาเข้าไปทางไปแยกหมอมี
สักกลางๆซอยจะมีที่จอดรถทางด้านขวามือ
ก็เลี้ยวเข้าไปจอดเลย
ชั่วโมงละสามสิบบาท

ออกจากที่จอดรถก็เลี้ยวซ้ายเดินเข้าหาถนนเยาวราช
เดินข้ามถนนแล้วก็เลี้ยวขวามา
ถ้ามากลางวันจะเห็นร้านเล่าตั้งลือชื่อห่านพะโล้
ให้เดินเข้าไปซอยนั้นแหละ
เดินทะลุร้านเขาเข้าไป

แต่ถ้าไปตอนเย็น
หรือเดินเลยซอยที่ว่านั่นไปแล้วก็ไม่เป็นไร
เดินไปเรื่อยๆ
จะเจอซอยใหญ่ๆปากซอยเขียนว่า "ผดุงด้าว"
หรือมองๆเข้าไปก็จะเห็นร้านเขียนว่าเท็กซัสนู่นเท็กซัสนี่เต็มไปหมด
ตอนเย็นๆจะมีขายพวกซีฟู้ดด้วยน่าจะสังเกตได้ง่าย
เดินเลี้ยวขวาเข้าไปเลย
พอเจอร้าน"มธุรส" ก็เลี้ยวขวาอีกทีอยู่หลังร้านมธุรสนั่นแหละ



ร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำใส
เอาใจคอก๋วยเตี๋ยวเนื้ออีกแล้ว
เนื่องจากขายลูกชิ้นเนื้ออย่างเดียว
ไม่มีสดเปื่อยอะไรทั้งนั้น
ฉันขายแต่ลูกชิ้นเนื้ออย่างเดียว

น้ำซุปหวานกลมกล่อม
ได้ความหวานจากน้ำต้มลูกชิ้น
แต่ก็ไม่เข้มข้นนัก
น้ำซุปรสอ่อนๆแต่กลมกล่อมสไตล์ร้านแถบเยาวราช



ลูกชิ้นลูกเล็กเนื้อแน่น
ขนาดเล็กกว่าลูกชิ้นเนื้อศรีย่าน สามเสน
รสชาติใกล้เคียงกันเชียว
ผมว่าร้านนี้ออกจืดกว่านิดหน่อย
แต่ก็อร่อยดี คนชอบกินลูกชิ้น
เคี้ยวกันเพลินไปเลย

เบิ้ลต่ออีกชามเป็นหมี่แห้ง
ร้านนี้จะไม่ใส่ซีอิ้วดำมาให้
อยากกินให้ใส่เอาเอง
เขามีใส่ขวดไว้ให้
ราดเอาตามสบาย





ราดซีอิ้วดำเข้าไป



คลุกๆๆ





เส้นหมี่ร้านนี้ลวกนุ่มทานสบายปาก

ขายตั้งแต่สิบเอ็ดโมงเช้ายันสิบเอ็ดโมงเย็น(ห้าทุ่ม)

ผมว่ามากินตอนเย็นๆก็ดีครับ
น้ำซุปเคี่ยวทั้งวันน่าจะ็เข้าที่แล้ว

ขอให้เพลิดเพลินไปกับการกินครับ ^^

--- แผนที่ร้านครับ ---

ลืมไป ชามละสามสิบบาทขาดตัวค๊าบบบ

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

นาธาน โอมาน "The Shattered Glass" ภาคภาษาไทย

นาธาน โอมาน

ผมเองไม่ค่อยคุ้นเคยนักกับนักร้องชื่อต่างประเทศคนนี้
ด้วยไม่ค่อยรู้จักกับเพลงวัยรุ่นเท่าไหร่
รู้จักตัวตนของเขาผ่านสื่อต่างๆทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์
ภาพพจน์ของเขาที่ผมรู้จักเป็นเด็กหนุ่มลูกครึ่งนิสัยดี
พูดจาไพเราะ มีความสามารถพิเศษหลายด้าน
รักธรรมชาติและเด็กๆ ไม่ค่อยมีข่าวคาวๆมากนัก

เพิ่งมาสนใจข่าวคราวตอนหลังๆของเขาผ่านสื่อทางอินเตอร์เน้ต
เพราะว่าเขามาแถลงข่าวว่าไปเล่นหนังฮอลลีวูดกับผู้กำกับชื่อดัง
และมีดาราดังบรูซ วิลลิซร่วมแสดงด้วย น่าทึ่งจริงๆ

แต่แล้วในโลกไซเบอร์ก็ไม่มีความลับอีกต่อไป
จากความสงสัยใคร่รู้ของคนก็มีการสืบสาวราวเรื่อง
โดยมีต้นตอจากความสงสัยในกระทู้ของเว็บพันทิปนี่เอง
ก็เกิดนักสืบไซเบอร์ขึ้นมาตีแผ่ความจริงให้ได้อ่านกัน


เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นคงมีคำตอบอยู่ในใจกันแล้ว
เรื่องของคุณนาธาน ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง
ของคนที่โกหกแล้วหาทางลงไม่ได้
"The Shattered Glass"
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของสตีเฟ่น กลาส นักเขียนดาวรุ่งอายุน้อย
ของนิตยสาร เดอะรีพับลิค
ที่นั่งเทียนเขียนข่าวจากจินตนาการ จนมีชื่อเสียง
ข่าวที่เขาได้มามักจะมีลักษณะแหลมคม เจาะลึก ตบด้วยอารมณ์ขัน
คนในกองบรรณาธิการส่วนใหญ่ล้วนรักเขา เพราะนิสัยน่ารักของเขา
แน่นอนว่าข่าวดีดี ต้องมีคนถูกตำหนิว่าทำไมพลาดข่าวแบบนี้ไปได้

คนที่ถูกตำหนิก็ย่อมไม่พอใจว่าทำไมกูพลาดข่าวนี้ไป
ก็เลยไปสืบดูว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร
ทีนี้ก็เลยเจอเรื่องสนุกๆขึ้นมาทันที


Image


10 พฤษภาคม 1998 นิตยสารออนไลน์ ฟอร์บส์ ได้ลงบทความของ อาดัม เพเนนเบิร์ก

ว่าด้วยเรื่องของ สตีเฟ่น กลาส นักเขียนดาวรุ่งของนิตยสาร เดอะ นิว รีพับลิค

ที่นั่งเทียนเขียนบทความ “สวรรค์นักแฮค” (Hack Heaven) ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนเดียวกัน

“สวรรค์นักแฮค” เป็นเรื่องราวของ เอียน เรสติล อัจฉริยะคอมพิวเตอร์วัย 15 ปี

ฉายา “เจ้าหนูไบโอนิคส์” เขาเก่งกาจถึงขนาดสามารถเจาะฐานข้อมูลของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่างจูคท์ ไมโครนิคส์ได้

จูคท์คิดว่าคงไม่สามารถหยุดเด็กเซียนอย่างเรสติลได้ง่าย ๆ จึงตกลงว่าจ้างเขาเป็นที่ปรึกษา และนัดเจอกันในการประชุมแฮคเกอร์

ปรากฏว่าเรสติลเรียกร้องเงื่อนไขแปลก ๆ มากมายจากทางจูคท์ อาทิ รถสปอร์ต 1คัน ท่องดิสนีย์เวิร์ลด์ การ์ตูนเอ็กซ์เมนฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก สมาชิกเพลย์บอยและเพนท์เฮ้าส์ตลอดชีพ

ที่แปลกกว่าก็คือจูคท์ยอมทำตามเงื่อนไขทั้งหมดนั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ 21 รัฐในอเมริกาออกบัญญัติความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์ขึ้น เพื่อเอาผิดบริษัทและนักแฮคที่สมยอมกัน

แต่ความจริงก็คือ

นี่เป็นเพียงการโกหกคำโตของกลาส เด็กหนุ่มนามว่าเอียน เรสติลไม่มีตัวตน

ไม่มีบริษัทจูคท์ ไมโครนิคส์ ไม่มีการประชุมแฮคเกอร์

ไม่มีบัญญัติความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์

และไม่มีแหล่งข่าวทั้งหลายแหล่ที่กลาสอ้างถึงในบทความแม้แต่รายเดียว ไม่ผิดจากที่เพเนนเบิร์กกล่าวว่า

“อย่างเดียวที่เป็นเรื่องจริงในบทความนี้คือ รัฐหนึ่งของอเมริกาที่ชื่อเนวาด้า

สิ่งที่ผมคิดถึงหนังเรื่องนี้เมื่อได้อ่านเรื่องราวของนาธานคือ
จินตนาการของคน และวิธีเอาตัวรอดเมื่อถูกจับโกหกได้

ทั้งกลาสและนาธานทำอย่างเดียวกันคือสร้างหลักฐานเท็จ
เรียกความสงสารและไม่ยอมรับความจริง

น่าสงสารที่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
และแน่นอนว่าในเมื่อคนตามสืบกัดไม่ปล่อย

จุดจบเป็นอย่างไรคงไม่ต้องเดา...




-----------------------------------------

อ่านต่อ

บทสรุปของ "นาธาน โอมาน" บทเรียนครั้งสำคัญของวงการบันเทิงไทย

จาก "สมพงษ์ เลือดทหาร" สู่ "น้องอุ้ม เมืองคานส์" และ "นาธาน โอมาน"?

"Shattered Glass" Base on true story

ซุ่ยเฮง ข้าวมันไก่ วัดสุทธิฯ ระหว่างปากซอยเจริญกรุง63-65

ข้าวมันไก่ย่านนี้ที่เคยทาน
ตามที่เด็กวัดสุทธิแนะนำมีอยู่สองเจ้า
คือ ร้านนี้"ซุ่ยเฮง"อยู่ระหว่างปากซอย
เจริญกรุง63 กับ เจริญกรุง 65
และอีกร้านนึงเดินขึ้นไปทางเหนือ
อยู่ข้างๆสถานีดับเพลิงยานนาวา
ชื่อร้านข้าวมันไก่ "เม้ง โภชนา(เล็ก)"

ร้านข้าวมันไก่ย่านนี้มีเอกลักษณ์คือ"น้ำจิ้ม"
จะไม่เหมือนใคร
ใช้พริกเหลืองตำกับกระเทียม
ปรุงด้วยน้ำส้มสายช
ไม่รู้ใส่เต้าเจี้ยวหรือเปล่า
ผมก็ลองชิมแล้วก็เดาๆเอาูน่ะครับ
ไม่ได้เดินไปถามเขาหรอก ^^



ผมตามไปชิมครั้งแรกก็รู้สึกแปลกๆว่า

"เฮ้ย! น้ำจิ้มเขากินกันรสอย่างนี้เหรอ"

คือรสจะออกเปรี้ยวๆเค็มๆเท่านั้นเอง
ก็แปลกๆดีครับ ^^
แต่เห็นเขาบอกว่า
ให้เอาซีอิ้วดำบนโต๊ะใส่ผสมเอง
อร่อยไม่อร่อยก็คือเราปรุงเอง
ผมลองทำแล้วหล่ะครับ ไม่ค่อยเข้าที
แสดงว่าผมปรุงไม่ดีเอง ฮ่าๆ
ต้องลองไปบ่อยๆฝึกฝีมือจะได้ปรุงเก่งๆ

ที่จริงร้านนี้ถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว
ยังไม่ได้มาเขียนถึงสักที
จนลืมรสไปเสียสิ้น
พอดีสบโอกาสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ได้แวะทานอีกครั้ง
เลยขอเขียนถึงสักหน่อย



ข้ามเรื่องน้ำจิ้มไปเลยนะครับ
ไปเรื่องข้าวมันต่อเลย



ร้านนี้หุงข้าวได้ดี
หอม และเป็นตัวๆดี
นุ่ม ไม่แข็ง

ร้านไหนหุงไม่ดี
ข้าวจะบาน
มันจะซึมเข้าไปเยอะ
พอกินๆเข้าไปแล้วจะเลี่ยนมาก

แต่ของร้านนี้ทำได้ดีเลยครับ
หอม นุ่ม มีรสชาติ
แบบกลมกล่อม ออกนวลๆ
รสไม่เข้มนะครับ
กินสบายอารมณ์

มาถึงส่วนเด็ดของร้านนี้
ผมว่าที่อร่อยของเขาคือไก่นะครับ
ร้านนี้หั่นชิ้นโตพอดีคำ โปะมาเต็มจาน
ไม่มีการตบไก่ให้แบนๆมาโปะข้าว
อย่างนั้นเสียรสไก่หมด
น้ำในเนื้อไก่ออกไปเสียสิ้น
ร้านไหนทำแบบนั้นก็เหมือนไปเคี้ยวกระดาษดีๆนี่เอง
เอาเป็นว่าร้านนี้ถ้าใครชอบเนื้อไก่แบบ นุ่มๆ ชุ่มน้ำละก็
ไม่น่าจะผิดหวังนะครับ





ส่วนถ้าชอบแบบเนื้อไก่นักกีฬา แน่นปึ๋งปั๋ง
เดี๋ยวจะแนะนำให้ไปร้านอีกสไตล์หนึ่ง
พวกร้านไก่เบตงประมาณนั้น

สำหรับน้ำซุป
ร้านนี้ยังไม่ได้ใจผมครับ
รสยังไม่เข้มข้นถูกใจ
พอถูไถไปได้



อิ่มอร่อยราคาไม่แพงเลยครับร้านนี้
หนึ่งอิ่มสามสิบสองบาท(น้ำแข็งเปล่าแก้วนึง)
สบายๆยุคข้าวยากหมูแพง
รัฐบาลชมพู่1

ในร้าน



หน้าร้าน




--- แผนที่ร้านครับ ---


*** รวมแผนที่ร้านข้าวมันไก่ใน Google Map ครับ ***


ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร

"นายฮ้ง" ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ ร้านกลางซอย โรงพยาบาลกลาง

สืบไปสืบมาได้ความว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ในตำนาน
ในซอยย่านสวนมะลิ โรงพยาบาลกลางนี้มีอยู่ 3 เจ้า

เจ้าแรกอยู่ปากซอย ชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ "อร่อยริมทาง" มีน้ำซุปเป็ดมะนาวดองซดแก้เลี่ยน
เจ้าที่สองอยู่กลางซอย "ร้านนายฮ้ง" มีก๋วยเตี๋ยวอบ เส้นกรอบไข่น่ากิน
เจ้าที่สามท้ายซอย ชื่อร้าน"น้องแอน" อันนี้ยังไม่เคยชิม

เห็น่มีคนว่าก็อร่อยเหมือนกัน
เข้าใจว่าย่านนี้คงอร่อยเกือบทุกเจ้ากระมัง
เห็นขายกันเยอะเหลือเกิน

ร้านแถวนี้จะหายากสักหน่อย
ของดีดีอร่อยๆมักหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมเสมอ
ผมไปเสิร์ชหาร้านปรากฏว่า
เคยมีคนไปโวยว่าหาร้านไม่เจอในห้องจตุจักรเว็บพันทิป
จนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นกระทู้แนะนำไปก็มี
ตลกดี เกรียนน่าดู





ร้านนี้ขายมานาน
แต่คนที่ไม่เคยมาออกจะหาทางเข้ายากอยู่สักหน่อย
ผมเองกว่าจะตามลายแทงพบก็งงอยู่ใช่ย่อย
แต่ก็หลงไปเจอร้านอร่อยอีกเจ้านึงแทน
ถือว่าไม่เสียเที่ยวครับ ^^

ก๋วยเตี๋ยวคั่วร้านนี้ใช้เส้นใหญ่ ขนาดใหญ่กว่าปกติ
ไม่รู้ว่าแกเอาเส้นมาตัดเองหรือเปล่า

ผมตามจารย์ม่อนไปชิม
http://puvanai.multiply.com/reviews/item/4

เพราะเห็นรูปแล้วอยากกินก๋วยเตี๋ยวไข่อบขึ้นมาติดหมัด

พอหาร้านเจอก็ปรีดาเป็นยิ่งนัก
สั่งก๋วยเตี๋ยวอบมากินเลย
หน้าตาน่ากินเหมือนที่นึกไว้ทีเดียว



คั่วเส้นกรอบเกรียม
จนแป้งออกเหนียวหนึบๆ
แปะแกตั้งใจทำมาก
ค่อยๆคั่วบนเตาถ่าน
แล้วก็โยนกระทะทุกจาน
ร้านนี้ใจร้อนหรือหิวๆไปกิน
น่าจะไม่รุ่งครับ
วันนั้นผมไปถึงประมาณเกือบหกโมงเย็น
นั่งรอประมาณสิบนาทีได้

ไก่ชิ้นโตครับ
ออกแห้ง คั่วเกรียมๆ
ออกสีแทนเป็นไก่อาบแดดทั้งชิ้นเลยครับ

ร้านนี้ผมว่าน้ำมันเยอะไปหน่อยนะครับ
กินเสร็จแล้ว
มึนเลยผม
สงสัยเมาน้ำมันแหงๆ



นึกขึ้นได้ว่าเคยอาฆาตร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ อร่อยริมทาง ร้านปากซอยไว้
ว่าจะไปกินซุปเป็ดมะนาวดองให้ได้
ก็เลยไปกินแก้เลี่ยน ช่วยได้เยอะครับ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องอบไข่ด้วยหรือเปล่า
เลยน้ำมันเยอะไปหน่อย

ยังไม่ได้ลองคั่วไก่ธรรมดาครับ
ไม่รู้จะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า

คืออันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ
ว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ควรจะแห้งๆเกรียมๆ
น้ำมันน้อยๆหน่อย
ไม่งั้นจะเรียกคั่วเหรอ
เรียกทอดน่าจะเหมาะกว่า

เจาะไข่แดงออกมาเยิ้มๆ
กินกับเส้นก๋วยเตี๋ยวกรอบๆหนึบๆ

สรุปว่าอร่อย แต่ตัดคะแนนเรื่องน้ำมันท่วมนี่แหละ
ร้านเิปิดตอนเย็นๆห้าโมงเย็นเป็นต้นไปครับ

ลีลาโยนกระทะนายฮ้ง



--- แผนที่ร้านครับ ---

หลงทางก็อย่ามาว่ากันนะครับ ฮ่าๆ


ปล.
ก๋วยเตี๋ยวไก่พวกนี้ควรทานที่ร้าน
เคยซื้อห่อกลับไป
ไม่อร่อย
เพราะเส้นที่กรอบๆ
มันจะหยูดๆ กินไม่อร่อยเท่าตอนร้อนๆนะครับ

ว่าด้วยเรื่องรีวิวอาหาร